ผู้เขียนได้มีโอกาสลงพื้นที่แปลงปลูกเผือกในเขตอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าเผือกที่เกษตรกรปลูกมีอาการของการเกิดโรคจากการทำศึกษาและสอบถามข้อมูลนักวิชาการทางด้านโรคพืชก็ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นโรคใบไหม้ หรือเรียกอีกชื่อว่า "โรคจุดตาเสือ" และเมื่อทำความเข้าใจในข้อมูลและหาข้อมูลเพิ่ม และพอสรุปได้ ดังนี้
1.เกิดจากเชื้อรา ชื่อ 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑐𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎𝑒 จัดอยู่ใน Class Oomycetes Family Pythiaceae เป็นราน้ำ สร้างเส้นใยขาวไม่มีผนังกั้น (Nonseptate hypha) แตกกิ่งก้าน สร้างสปอร์ได้ 4 ชนิดคือ
1.1 Sporangia (สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ)
1.2 Zoopores (สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ) มีหางใช้ในการว่ายน้ำ
1.3 Oospores (สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ)
1.4 Chlamydospores (สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ) สปอร์มีผนังหนา
ซึ่งสกุล 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 ยังพบว่ามีหลายชนิดที่เป็นเชื้อสาเหตุทำให้เกิดโรคที่สำคัญในพืชเช่น เชื้อ 𝑃. 𝑝𝑎𝑙𝑚𝑜𝑣𝑜𝑟𝑎 ทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน เชื้อ 𝑃. 𝑐𝑎𝑝𝑠𝑖𝑐𝑎 ทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่าในพริก เชื้อ 𝑃. 𝑝𝑎𝑟𝑎𝑠𝑖𝑡𝑖𝑐𝑎 ทำให้เกิดโรครากเน่าโคนเน่าในพริกไทย แสดงให้พบว่าเชื้อราในสกุลนี้ค่อนข้างมีความสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรได้หลากหลายชนิด
2.ลักษณะอาการ : ระยะเริ่มแรกพบจุดสีน้ำตาลขนาดเล็กบนผิวของใบ และขยายขนาดเป็นวงต่อกัน บริเวณขอบแผลพบหยดสีเหลืองข้น และเปลี่ยนเป็นเม็ดๆแห้งเกาะที่ผิวใบ ระยะที่เกิดอาการรุนแรงจะพบว่าแผลของใบพืชมีขนาดใหญ่เนื่องจากการขยายติดกันของแผลเล็กๆเดิม ใบม้วนพับเข้า และแห้งเหี่ยว ซึ่งส่งผลการสังเคราะห์แสงของพืช รวมถึงเชื้ออาจเข้าทำลายบริเวณหัวของเผือกได้อีกด้วย
3.การแพร่ระบาด: สภาพภูมิอากาศมีแดดสลับฝนตกชุก มีรายงานพบหลายๆ พื้นที่ ดังต่อไปนี้ ทวีปแอฟริกา (แคเมอรูน, อิเควทอเรียลกินี, เอธิโอเปีย, กานา, ไนจีเรีย) ทวีปเอเชีย (บังกลาเทศ, บูรไน, จีน อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เมียนมาร์, เนปาล, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ศรีลังกา, ไต้หวัน, ประเทศไทย, เวียดนาม) ทวีปอเมริกา (โดมินิกัน, เปอร์โตริโก, สหรัฐอเมริกา, อาร์เจนตินา, บราซิล)
4.วิธีการป้องกันกำจัด: จากการตรวจเอกสารหลายๆ ฉบับมีทิศทางเดียวกัน ดังต่อไปนี้
4.1 ลงพื้นที่สำรวจการเป็นโรค ถ้าพบให้เก็บซากต้นเผือกไปทำลายนอกแปลงปลูก เลือกใช้สารเคมีกำจัดโรคพืช เช่น
4.1.1 ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP (กลุ่ม 40) 10-20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
4.1.2 ไพราโคลสโตรบิน 25% EC (กลุ่ม 11) 15 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร
4.1.3 อีทาบอกแซม 10.4% SC (กลุ่ม 22) 10 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร ทุก 5-7 วัน
4.2 กรณีระบาด : เก็บซากพืชเผาทำลายนอกแปลงปลูก ไม่ควรปลูกซ้ำ ทำการปลูกพืชหมุนเวียน หรือปลูกพันธุ์ต้านทาน เช่น พจ.06 (ซึ่งสายพันธุ์นี้อาจไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นเผือกชนิดที่เมื่อต้มแล้วจะไม่มีกลิ่นหอม แต่เนื้อมีลักษณะแน่น)
***กรณีปลูกพืชหมุนเวียน****
ต้องปลูกชนิดอื่นๆ ที่เชื้อรา 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑐𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎𝑒 เข้าทำลายไม่ได้ จากการตรวจเอกสารพบพืชอาศัยของเชื้อนี้ได้แก่ เผือก (𝐶𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎 𝑒𝑠𝑐𝑢𝑙𝑒𝑛𝑡𝑎) เผือกชนิด 𝐶𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎 𝑒𝑠𝑐𝑢𝑙𝑒𝑛𝑡𝑎 var. 𝑔𝑙𝑜𝑏𝑢𝑙𝑖𝑓𝑒𝑟𝑎 ต้นกระดาด (𝐴𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎 𝑚𝑎𝑐𝑟𝑜𝑟𝑟ℎ𝑖𝑧𝑎)
เอกสารอ้างอิง
1.กลุ่มอารักขาพืช สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม. 2566. ระวังโรคใบไหม้หรือใบจุดตาเสือ (เชื้อรา 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑐𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎𝑒) ในเผือก 1. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.opsmoac.go.th/nakhonpathom-warning-preview..., 5 พฤศจิกายน 2566.
2.คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ม.ป.ป. เชื้อรา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.agri.cmu.ac.th/.../525/52521_20190821_123637.pdf, 5 พฤศจิกายน 2566.
3.ไทยรัฐออนไลน์. 2560. ปลูกเผือกระวังใบจุดตาเสือ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.thairath.co.th/news/local/1054522, 5 พฤศจิกายน 2566.
4.มณีรัตน์ คูหาพิทักษ์ธรรม. 2562. การศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาและการเกิดโรคของเชื้อรา
𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑝𝑎𝑙𝑚𝑖𝑣𝑜𝑟𝑎 สาเหตุโรครากเน่าและโคนเน่าของทุเรียนในประเทศไทย.
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3914, 5
พฤศจิกายน 2566.
5.วิทวัส ยุทธโกศา. 2557. การปลูกเผือก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://agkb.lib.ku.ac.th/.../dowload.../309530/82464, 5 พฤศจิกายน 2566.
6.สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร. 2565. โรคใบไหม้ในเผือก. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.facebook.com/permalink.php?
story_fbid=pfbid0JPayfB86WtYX2PE5mYtPr6CVEDHwq4z2VJwEbufykQEQ87TvHHMbSo 92mkbZRhSGl&id=100068076707389, 5 พฤศจิกายน 2566.
7.อมรรัชฏ์ คิดใจเดียว พชร ธิตานนท์ ดารณี เจริญผล มะโนรัตน์ สุดสงวน สุณีรัตน์ สีมะเดื่อ ชนินทร
ดวงสอาด และพรพิมล อธิปัญญาคม. 2561. ศึกษาราสกุล 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 ในเผือก. กรุงเทพฯ :
สำนักวิจัยพัฒนาการอารักชาพืช กรมวิชาการเกษตร.
8.อมรรัตน์ ภู่ไพบูลย์ ยุทธศักดิ์ เจียมไชยศรี และพีระวรรณ พัฒนวิภาส. 2555. การศึกษาชีววิทยาและ
นิเวศวิทยาของรา 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑐𝑎𝑝𝑠𝑖𝑐𝑖. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.doa.go.th/research/attachment.php?aid=606, 5 พฤศจิกายน 2566.
9.เอี่ยน ศิลาย้อย. 2533. โรคโคนและรากเน่าของพริกไทย. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://tarr.arda.or.th/preview/item/WLTObR3Pz_3mRGu7H-Ujk, 5 พฤศจิกายน 2566.
10.CABI. 2021. 𝑃ℎ𝑦𝑡𝑜𝑝ℎ𝑡ℎ𝑜𝑟𝑎 𝑐𝑜𝑙𝑜𝑐𝑎𝑠𝑖𝑎𝑒 (taro leaf blight). [Online]. Available on:
https://www.cabidigitallibrary.org/.../cabicompendium.40955, November 5, 2023.
11. Nelson, S., Brooks, F. and Teves, G. 2011. Taro Leaf Blight in Hawai‘i. [Online]. Available
on: https://www.ctahr.hawaii.edu/oc/freepubs/pdf/PD-71.pdf, Novermber 6, 2023.
หมายเหตุ : รูปภาพในเนื้อหาเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน สามารถนำไปใช้ทางการศึกษาโดยการผ่านการอ้างอิง
Cited : วัชรวิทย์ รัศมี. 2568. โรคของเผือก. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : https://sites.google.com/rbru.ac.th/e-portfoliowatcharawit-r/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-academic-article/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%AD%E0%B8%81?authuser=0